9/27/2009

ตัวแทนจาก HELPSCHOOLเดินทางไปตรวจเยี่ยมการก่อสร้างบ้านพักเด็กกำพร้าและมอบสิ่งของที่จำเป็นให้เด็กๆ HELPSCHOOL third Trip

เมฆเริ่มก่อตัว

เมฆฝนมาแล้วครับ

ฝนกำลังมาครับ

เดินกลับบ้านกันครับ


เณรสองรูปนี้ก็ต้องฝ่าสายฝนกลับวัดครับ


หนูน้อยกับร่มคันโปรด


ฝนตกที่บนดอย ที่เห็นเป็นสนามหน้าอาคารเรียนครับ


ฝากรอยยิ้มให้พี่ๆครับ


ถ่ายรูปหมู่เสร็จแล้ว บอกให้ถอดเก็บไว้ก็ไม่ยอมถอดกันครับ


เณรรูปนี้เลือกเสื้อกันฝนสีแดง ท่านก็ไม่ค่อยเห่อเท่าไหร่เลยครับ



ได้รับเสื้อกันฝนทุกคนเลยครับ


จับปูใส่กระด้ง ก่อนถ่ายรูปหมู่












เด็กๆเห่อระฆังกันมาก เพราะที่โรงเรียนไม่เคยมีระฆังใช้ครับ


ระฆังใบนี้สนับสนุนโดย พี่บูรณ์ Inflight Service Manager ของเราครับ












ทำใจลำบากครับ สวยไปหมด

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ

ขอบคุณน้าแมวที่มอบให้เราครับ


ชื่นชมกันใหญ่


หนูเลือกสีเขียวค่ะ










วันที่ 14 กันยายน 2552 ผมเดินทางขึ้นดอยสามสิบคนเดียวอีกครั้งหนึ่ง ท้ายรถกะบะขับเคลื่อนสี่ล้อของผมบรรทุกสิ่งของเสียเต็มเอี้ยด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันฝน ถุงใส่ของลายการ์ตูนสีสันสดใส ขนม ของใช้ของเด็กจำพวก ปากกา ดินสอ กระดาษ สบู่ก้อน สิ่งเหล่านี้ผมได้เก็บรวบรวมเมื่อเดินทางไปพักตามโรงแรมต่างๆทั่วโลก บางอย่างไม่มีค่าสำหรับเรา แต่สำหรับคนยากไร้ พวกเขาไม่มีทางเลือกครับ นอกจากนี้ยังมีของใช้ส่วนตัวของผม และสิ่งสำคัญคือ ผมได้บรรทุกความหวัง ความสุข ลงไปหลังรถเสียเต็มที่ ผมเคยสัญญาเด็กๆว่าจะขึ้นไปเยี่ยมพวกเขา จะไปฉายหนังให้พวกเขาดู

ก่อนเดินทางออกจากตัวอำเภอฝาง จ.เชียงใหม่ ผมแวะซื้อขนมสำหรับนำไปแจกเด็กๆ รวมทั้งข้าวห่อและหนังสือพิมพ์ หนังสืออ่านเล่นเพื่อนำไปฝากให้กับทหารที่ประจำอยู่ที่ด่านตามแนวชายแดน แรงใจและความใฝ่ฝันผลักให้รถที่ผมขับทะยานขึ้นสู่จุดหมายที่ยอดดอย
เด็กๆและคุณครูต่างมารอผมอยู่ตรงประตูทางเข้าหมู่บ้าน ครูบอกว่าเด็กๆตื่นเต้นกันมาก มารอเพื่อที่จะช่วยผมขนของไปที่โรงเรียน ครูบอกว่าถนนลื่นและเละเป็นโคลน ไม่อยากให้ผมเสี่ยงเอารถไปติดหล่ม เด็กๆช่วยกันขนของเดินลงและขึ้นเนินอยู่หลายรอบ ผมกะด้วยสายตา ระยะทางน่าจะอยู่ที่ราว 3 กิโลเมตร ของบางอย่างหนักเอาการ เช่นจอสำหรับฉายภาพยนต์ขนาด 6 คูณ 4.5 เมตร น้ำมันเบนซินสำหรับเติมเครื่องปั่นไฟฟ้า 4 แกลลอน หม้อปรับแรงดันไฟฟ้า ของอีกมากมายจิปาถะ หนูน้อยคนหนึ่งถามผมว่า น้าจะย้ายขึ้นมาอยู่กับพวกเราหรือครับ อีกคนถามว่า น้าย้ายบ้านหรือ
เมื่อเราเดินเท้าไปถึงโรงเรียน เด็กหญิงและเด็กชายตัวน้อยที่ไม่สามารถยกของหนักได้ ได้เข้าแถวรอผมอยู่แล้ว คุณครูบอกให้เด็กทุกคน สวัสดีผม จากนั้นผมจึงเริ่มกิจกรรมแรกคือการ แจกถุงสำหรับใส่ของลายการ์ตูน สีสันสดใส ซึ่งได้รับความเมตตาจากคุณแมว (พีระรัศม์ สุพรรณธะริดา) แห่งบริษัทลักกี้สตาร์การทอจำกัด ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่หนู ( SIRIBHODHI K ) Inflight Service Manager คนงามของพวกเรานั่นเอง
จากนั้นผมได้แจ้งครูว่า ให้สอนไปตามปกติ ผมได้เดินบันทึกภาพบรรยากาศทั่วๆไปในระหว่างที่คุณครูสอนเด็กๆ บ่ายวันนั้นฝนเทลงมาอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น หลังคาห้องเรียนที่มุงด้วยสังกะสีปะทะกับสายฝน ทำให้นักเรียนแทบไม่ได้ยินเสียงของคุณครูที่กำลังอธิบายบทเรียนอยู่
บ่ายโมงกับสิบนาที ปกติแล้วเด็กๆต้องเข้าแถวหน้าเสาธงเพื่อร้องเพลงชาติ เชิญธงลงจากเสาแล้วพับเก็บไว้ ทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวันที่มีการเรียนการสอน แต่วันนี้มีเพียงตัวแทนสามคนใส่เสื้อกันฝน ฝ่าสายฝนออกไปปฏิบัติหน้าที่ การเชิญธงลงจากเสาท่ามกลางสายฝนจึงเป็นเรื่องปกติในหน้าฝนเช่นนี้ แต่สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง ซึ่งสื่อถึงความอดทน ซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อหน้าที่
หลังเลิกเรียน บรรดาครูให้เด็กโต 3-4 คนช่วยผมขนสัมภาระเข้าที่พัก ซึ่งผมได้ถูกจัดให้เข้าพักกับบรรดาครูที่บ้านพักครู ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนไปราว 150 เมตร คืนนั้นผมได้ทดสอบฉายภาพยนต์โดยใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟฟ้าและอาศัยผนังบ้านพักครูเป็นจอภาพยนต์ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีครับ ผมต้องทดสอบให้แน่ใจว่า แรงดันไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟฟ้ามีความสม่ำเสมอ เพื่อที่จะฉายจริงให้เด็กๆและคนในหมู่บ้านชมในคืนถัดไป
ผมหลับตาลงด้วยความเพลีย แต่ความฝันนำผมล่องลอยไปแล้ว ลอยไปยังภูเขาสูง ที่นั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆก้องกังวาลไปทั่วหุบเขา ที่ซึ่งไร้เสียงปืนและการเข่นฆ่า
ผมสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงทหารวิ่งออกกำลังกายแต่เช้ามืด สำหรับบนภูเขาที่หนาวเย็นและกันดารเช่นนี้ กาแฟผสมกึ่งสำเร็จรูปเป็นซองก็เป็นสิ่งที่วิเศษสุดแล้วสำหรับเช้าวันใหม่ หลังอาการเช้า ผมเดินมุ่งสู่โรงเรียนอีกครั้ง ขนมกรุบกรอบเป็นของที่เด็กๆไม่ได้ลิ้มลองบ่อยมากนัก พวกเขาไม่ได้เงินค่าขนมมาโรงเรียนดังนั้น ขนมซองละ 5 บาทเป็นสิ่งที่แพงเกินเอื้อม
ผมมองฝ่าม่านเมฆฝนที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เห็นตัวอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่อยู่ลิบๆ แต่ข้างล่างด้านโน้นกับข้างบนนี้ต่างกันอย่างลิบลับ
ตอนสายของวันนี้ ผมมอบเสื้อกันฝนให้กับเด็กๆและคุณครู เมื่อครูบอกให้เด็กๆแกะเอาเสื้อกันฝนออกมาใส่เพื่อถ่ายรูปร่วมกัน หลังถ่ายรูปเสร็จ เด็กหลายคนไม่ยอมถอดเสื้อกันฝนออก ทั้งๆที่มีแดดจ้า บางรายเดินกลับเข้าเรียนในชุดกันฝน โลกของเด็กบางครั้งก็ซับซ้อนเกินกว่าที่ผู้ใหญ่อย่างเราจะเข้าใจ


9/01/2009

เชิญชมภาพความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านพักเด็กกำพร้าล่าสุด Latest construction process of Doi Samsip Orphanage Home

Exterior of the orphanage house after completetion

Side view of the house

Front view of the house with roof extention


Inner wall of the house


ข้าพเจ้าได้รับข่าวความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านพักเด็กกำพร้าที่โรงเรียนบนดอยสามสิบจากคุณเมืองชื่น เมื่อคราวที่ข้าพเจ้าเดินทางกลับบ้านที่ ฝาง เมื่อช่วง 19-22 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า การก่อสร้างดำเนินไปได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ขณะนี้กำลังเก็บรายละเอียดภายในตัวบ้านอยู่ บนดอยฝนตกหนักเหลือเกิน เด็กๆน่าจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านได้เมื่อฤดูฝนผ่านไปแล้ว ข้าพเจ้าตื่นเต้นไม่แพ้เด็กๆและเพื่อนๆพี่ๆผู้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างครั้งนี้ ความตั้งใจของข้าพเจ้าไม่สัมฤทธิ์ผล ชีวิตส่วนตัวก็มีอะไรให้แก้ไขอยู่ร่ำไป เวลาที่กำหนดไว้ว่าต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้ หนึ่ง สอง สาม บางทีก็มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลง ชีวิตไม่สำเร็จรูป ขนาดบะหมี่ยังกึ่งสำเร็จรูปเลย
เมืองฝางคราวฤดูฝนเขียวชะอุ่มไปทั้งเมือง ข้าวในนากำลังโตด้วยน้ำจากฟ้า ทีแรกตั้งใจว่า จะนำเสื้อกันฝนและกระเป๋าที่ได้รับความเมตตาจากคุณแมวไปแจกเด็กๆ ทั้งๆที่ของถูกส่งไปจากกรุงเทพฯแล้ว ก็มีเหตุให้เลื่อนออกไปเนื่องจากมีปัญหาให้ต้องแก้ไขภายในครอบครัว ข้าพเจ้าสัญญากับคุณเปิงจื่นว่า จะขึ้นไปเยี่ยมเด็กๆที่บนดอย หากข้าพเข้ากลับมาพักร้อนช่วงต้นเดือนกันยายน พร้อมกับจะนำสิ่งของมามอบให้เด็กๆตามที่เจ้าภาพเขาได้ตั้งใจไว้
When I met Mr.Purngchuen again on my visit to Fang,my hometown,during 19-22 August 2009,I was very pleased to learn about a very smooth progress of the construction of the orphanage house at Doi Samsip school.The construction covers around 80 % of the total building.The remaining of the job is the interior of the house.There is alot of rain on the mountain this year.I wish that the kids could move in when the rainy season finishes.I am no less excited than the kids as well as my collegues who contribute to this construction.The construction must be paused at certain period due to heavy rain.Things might not be going as plan but considered quite smooth.My personal life and family problem need attention this time.Life may not be like instant noodles.The Thais always say this.We need to put some hot water to enjoy it .Am I going out of the road too far?
Fang become lush in rainy season.Rice is abundant in the vast field.Initially,I intended to visit Doi Samsip school to distribute the raincoats and utility bags to the kids despite problem in my family but I need to postpone it.I gave a promise to Mr.Murngchuen that I would visit the school once I return to Fang during my leave at the begining of September 2009 to distribute those stuff to the kids as intended by the donors.



7/10/2009

โครงการ HELPSCHOOL ได้รับความเอื้อเฟื้อเพิ่มเติมเป็นสิ่งของ RECENT DONATION RECEIVED BY HELPSCHOOL PROJECT

คลิกที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดใหญ่ครับ
click at picture to enlarge !!!
ถุงกระสอบพิมพ์ลาย มีหูหิ้ว ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก
คุณแมว - พีระรัสมิ์ สุพรรณธะริดา








ข้าพเจ้าได้รับการติดต่อจากพี่หนู ( SIRIBHODHI K ) ว่าเพื่อนพี่หนู ชื่อคุณแมว ได้รับทราบถึงโครงการ HELPSCHOOL ของเราชาวพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนไทยในสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค คุณแมวจึงอยากมีส่วนร่วมช่วยเหลือเด็กๆ ด้วยการมอบถุงซึ่งทำจากวัสดุที่เป็นกระสอบพลาสติก พิมพ์ลายอย่างสวยงาม เพื่อเอาไปแจกให้เด็กๆตามโรงเรียนในโครงการ คุณแมวได้กรุณาส่งของดังกล่าวไปให้กับเพื่อนของข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้รับมอบของแทน ขณะนี้สิ่งของเหล่านั้นเก็บไว้ที่บ้านของเพื่อนข้าพเจ้าที่กรุงเทพฯ ประกอบไปด้วย ถุงกระสอบพลาสติก มีขนาดใหญ่กว่ากระดาษขนาดเอ4 เล็กน้อย พิมพ์ลายการ์ตูนหลากหลายแบบอย่างสวยงาม มีหูหิ้ว และซิบรูดที่ปากถุง จำนวนทั้งสิ้น 100 ใบ นอกจากนี้ยังมีถุงกระสอบพิมพ์ลายใบใหญ่ จำนวน 19 ใบ ซึ่งคุณแมวบอกว่า มีประโยชน์ต่อทางโครงการคือใช้สำหรับใส่ของบริจาคในระหว่างการขนส่งขึ้นไปที่เชียงใหม่

พวกเราพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนไทยในสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ขอกราบขอบพระคุณมายังคุณแมว ( พีระรัสมิ์ สุพรรณธะริดา ) เป็นอย่างสูงสำหรับจิตเมตตาที่มีส่วนร่วมในการมอบสิ่งของดังกล่าวข้างต้นเพื่อนำไปมอบให้กับเด็กๆด้อยโอกาส ตามโรงเรียนต่างๆในโครงการ HELPSCHOOL ของเราครับ

สำหรับถุงกระสอบพิมพ์ลายข้างต้นนั้น เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากโรงงานของคุณแมวเองครับ คือ บริษัทลักกี้สตาร์การทอ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 33/8 และ 33/11 หมู่ 4 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม 73160 ซึ่งรับผลิตและจำหน่ายกระสอบพลาสติก ทอผ้าใบพลาสติก ผ้าพลาสติก และทำถุงปุ๋ยพลาสติก ครับ
I was informed by my senior Thai collegue,Ms.Noo ( Inflight Service Manager SIRIBHODHI K ) that her close friend,Ms. Maew ( Peerarus Suphantarida ),the owner of the Lucky Star Weaving Company Limited,would like to support HELPSCHOOL by offering utility bags so that it could be used for the transportation of the donated items to the northern part of Thailand as well as distribute the small ones to the kids we are helping in different school.Ms.Maew has already sent the bags to my friend's residense in Bangkok.The items received consist of 100 cartoon-printed,A4 sized bags and 19 large utility bags which Ms.Maew said,would be useful to carry the donated items to Chiang Mai,Thailand.
We,the Thai cabincrew community at Cathay Pacific Airways,would like to express our sincere appreciation to Ms.Maew for her kind support and contribution to this charity project aiming for better education facilities for those less fortunate ones.
These high quality utility bags are manufactured at The Luckystar Weaving Company Limited,located at 33/8,33/11 Moo 4 ,Omyai,Sampran,Nakhon Pratom 73160,Thailand.

6/22/2009

บ้านของหนูน้อยกำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง HERE COMES THEIR HOME!!

The Orphanage house structure
คลิกที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดใหญ่
Click at the picture to enlarge it !!


The construction is starting



Another angle


The house is divided into 5 rooms



Long shot view of the orphanage house


The house is surrounded by shady trees


The roof is completed


บ้านเด็กมองจากมุมระยะไกล
The building process as of 25 June 2009


หลังจากที่ฉาบผนังด้านนอกเสร็จแล้ว ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2552
Walling of the house was completed on 25 June 2009

ช่างปูนกำลังฉาบผนังด้านในของตัวบ้าน
Interior of the house

บ้านของเด็กๆกำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่างครับ
Almost there !!!!



The road surface !!



สภาพถนนที่ชำรุด เมื่อฝนตกหนักจะทำให้ถนนช่วงนี้เป็นโคลน
ซึ่งแม้กระทั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อยังผ่านถนนช่วงนี้ไปอย่างยากลำบากมาก
Poor condition of road surface slows down the building process of the orphanage house.Heavy rain would transform this part of the road into muddy slope,make it very difficult to pass, even for a four wheeler.


ข้าพเจ้าได้กลับบ้านอีกครั้งหลังจากที่ได้กลับไปล่าสุดเมื่อช่วงพักร้อนตอนสงกรานต์ที่ผ่านมา หลังจากนั้น วันที่ 17 มิถุนายน 2552 ข้าพเจ้านัดพบกับคุณเปิงจื่นผู้ประสานงานระหว่างในเมืองกับโรงเรียนบนดอยสามสิบ เพื่อพูดคุยไต่ถามถึงการก่อสร้างบ้านเด็กกำพร้า คุณเปิงจื่นได้มอบไฟล์ภาพถ่ายการก่อสร้างบ้านให้ข้าพเจ้า ตามที่ข้าพเจ้าได้ร้องขอไว้ว่าให้ถ่ายภาพเผื่อด้วย หากได้ขึ้นๆลงๆดอย เพื่อที่จะได้นำลงเสนอในเวบบล็อคนี้ ที่บนดอยมีฝนตกชุกมาก การก่อสร้างไม่ได้ดำเนินต่อเนื่องกันไปทุกวัน ถ้าฝนตกมากคนงานก็ทำงานไม่ได้ โรงเรียนเปิดมาได้ราวหนึ่งเดือนพอดี นับถึงวันที่ข้าพเจ้าพบกับคุณเปิงชื่น ถนนที่แปรสภาพเป็นโคลน ได้เป็นอุปสรรคในการขนวัสดุก่อสร้างขึ้นไปบนดอย โดยเฉพาะ 1 กิโลสุดท้ายก่อนถึงจุดก่อสร้างบ้านพักนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งมีความยาวราว 40-50 เมตรที่เป็นจุดลาดชัน และเมื่อถึงหน้าฝนดั่งเช่นในขณะนี้ ถนนที่ปกติมีสภาพดี จะกลายเป็นโคลนเละ ทำให้รถวิ่งผ่านลำบาก หากเป็นรถบรรทุกของหนักๆอย่างของจำพวกวัสดุก่อสร้างแล้วละก็ จะมีปัญหาเป็นแน่ ข้าพเจ้าขอให้คุณเมืองจื่นไปสำรวจว่า จะใช้งบประมาณสักเท่าไหร่ที่พอจะปรับปรุงถนนช่วงที่มีปัญหานั้นให้รถวิ่งผ่านไปได้ ในเมื่อเราตัดสินใจก่อสร้างบ้านไปแล้ว และเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว จะหยุดไว้เพียงเพื่อให้ผ่านหน้าฝนไปก็เกรงว่าจะอีกนาน กว่าฝนบนดอยจะหมดจริงๆก็ราวๆ ปลายเดือนตุลาคม ข้าพเจ้ากำลังรอคำตอบจากคุณเปิงจื่นในเรื่องนี้อยู่ ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่า สร้างบ้านให้เด็กกำพร้าแล้ว ยังต้องพ่วงด้วยการซ่อมถนนอีก อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าคิดว่าเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าคงไม่ว่าอะไรเนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ หากไม่ปรับปรุงถนนช่วงนั้น ก็คงไม่สามารถนำวัสดุก่อสร้างขึ้นไปยังจุดก่อสร้างได้


I met Mr.Perngchuen once again on 17 June 09 after my latest return home during my vacation in April.Our talk mainly involved the progressive construction of the orphanage house at Doi Samsip school.He gave me some updates as well as picture files of the house building progress so that I can post in this blog.Heavy rain on the mountain affects the construction pace so badly.
It has been exactly 1 month since the new semester started at Doi Samsip school til the day I met Mr.Perngchuen.Muddy road condition along the way up to the mountain pose difficulty to the transportation of construction materials,especially the last kilometre of the road before reaching the school.The worst part is around 50 metres in length which is very steep and muddy.This would make a heavily loaded truck impassable during rainy season.I asked Mr.Perngchuen to get someone to estimate the repair cost of this particular part of the road so that it could get paved.If we wait until rainy season finnishes,which is around the end of October,that would be too long to pause the construction.I am now waiting for the road repair budget estimation from Mr.Perngchuen.It is now necessary to repair the road surface to facilitate the smooth construction of the orphanage house.

6/09/2009

กิจกรรมหารายได้สมทบทุนโครงการ HELPSCHOOL FUND RAISING ACTIVITY AT CABIN CREW SHOPPING FAIR,BANGKOK,THAILAND,7 JUNE 2009

ป้ายหน้าทางเข้างานครับ
Entrance of the Fair

ป้ายแสดงวัตถุประสงค์ของการหารายได้ครับ
Our Project Poster indicating our objective for this fund raising activity

Teamwork !


นอกเหนือจากพวกเราลูกเรือไทยในคาเธย์แล้ว ยังมีเพื่อนฝูงของพวกเราที่มีน้ำใจไปช่วยงานกันด้วยครับ
We would like to thank our friends for their big helping hands


Our representatives !


Lots of people at the fair on 7 June 2009



Our Simon,businessman



From left to right,SP-COCO ,FP-SIMON,FP-TAI


We thank you for all supports



FP- JIRA-AMNUAY S ( TAI)

Parts of donations that put on sale


Our little angels ( hehehe)


ราวๆเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไซม่อน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในฐานะพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนไทยเหมือนกัน ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า เขาได้ไปจองพื้นที่เพื่อออกงานขายสินค้าเพื่อนำรายได้สมทบกับโครงการ HELPSCHOOL ที่พวกเราพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนไทยสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคได้ร่วมกันทำอยู่ งานนี้ชื่อ CABIN CREW SHOPPING FAIR ซึ่งจะจัดขึ้นที่ เซ็นทรัลเวิร์ลพล่าซ่า กรุงเทพฯ ไซม่อนบอกว่า รายได้จากการจองพื้นที่ เจ้าของงานเขาก็จะนำไปช่วยงานการกุศลเช่นกัน ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่เพื่อนร่วมงานต่างก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือที่จะผลักดันให้โครงการนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่กำลังทำอยู่คือ การสร้างบ้านพักให้นักเรียนกำพร้า โรงเรียนบนดอยสามสิบ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 8 มิถุนายน หลังวันงานข้างต้นผ่านไปเพียงหนึ่งวัน ไซม่อนส่งเมล์เล่าความเป็นไปของบรรยากาศงานว่า มีคนไปงานอย่างคับคั่ง บางช่วงต้องเดินเบียดเสียดกันเลยทีเดียว เริ่มขายของกันตั้งแต่ 11 โมงจนถึง 3 ทุ่ม นอกเหนือจากบรรดาลูกเรือไทยอย่างพวกเราเช่น ตัวของไซม่อนเอง ยังมี คุณแมท คุณพี่แจง tally คุณพี่โกะ coco คุณต่าย Jira-amnuay แล้ว ยังมีเพื่อนของไซม่อน คือคุณมิกกี้ และเพื่อนของแมท คือคุณเกมส์ รวมทั้งเหล่าน้องๆลูกเรือไทยเบสกรุงเทพฯ อีกด้วยครับ
มีรายงานจากไซม่อนว่า มีรายได้จากการขายของที่ระลึกทั้งสิ้น 20597.50 บาท และยังมีของเหลืออีกบางส่วน ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ไปให้กำลังใจ ร่วมกันขายสินค้าครับ
ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของพี่ๆเพื่อนๆน้องๆ ที่ทำงานบริษัทเดียวกันอย่างมาก ที่แต่ละคนได้กรุณาเสียสละทรัพย์ และมอบของที่ระลึกให้นำไปขาย ร่วมทั้งสละเวลาไปช่วยกัน ในวันงานนั้นตัวข้าพเข้าไม่ได้ไปร่วมแต่อย่างใด เนื่องจากติดภารกิจสำคัญที่ฮ่องกง สำหรับของที่นำไปขายนั้นส่วนใหญ่จะเป็นของที่ระลึกที่ทางสายการบินผลิตออกจำหน่าย ร่วมทั้งของที่ระลึกที่พวกเรามัก ( หน้ามืด ) ซื้อติดตัวกลับมา เมื่อเราได้เดินทางไปทั่วโลก ในจำนวนของหลายรายการที่เรานำไปขายในงานนี้ ส่วนหนึ่งเป็นของที่ระลึกจากพี่เก๋ ( TUMJIB R ) พี่สาว น้องสาว สุดที่รักของพวกเราด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับพี่เก๋
I recalled that my Thai purser collegue,Simon told me one day in May 2009 , he has reserved some space in the CABIN CREW SHOPPING FAIR that would be organized on 7 June 2009 at Central World Plaza,Bangkok,Thailand.Simon told me that he would like to raise an additional fund to what we have been doing. We ,at the Thai cabin crew community at Cathay Pacific Airways are running the second project of HELPSCHOOL which is having an orphanage home built at Doi Samsip school,Fang district,Chiang Mai,Thailand.I was very pleased to know that my brothers and sisters are helping what they can to contribute to the project.
On 8 June 2009,only one day after the CCS Fair,I received an email from Simon telling me that the event attracted a big crowd.The sale kicked off at 11 A.M til 9 P.M .Apart from our Thai crew collegues such as SP Coco,FP Simon,FP Matt,FP Tai,FP Tally as well as our Bangkok base brothers and sisters ,we would like to thank our friends for their big helping hands.This included Mr Micky,Simon's friend and Mr.Games,Matt's friend. Some 20,597.50 Thai Baht were surprisingly raised in the fair that day.I would like to express my sincere appreciation to my collegues,brothers and sister at CX Thai crew community who help pushing the HELPSCHOOL project forward.Part of the souvinirs put on sale that day were belong to our late beloved PEE KAY ( TUMJIB R,passed away in late April 2009).Thanks for her great contributions.

5/31/2009

ความเปลี่ยนแปลง The Changes

1 มิถุนายน 2552 ข้าพเจ้าถูกเรียกให้บินเมืองมัมไบ ประเทศอินเดีย วานนี้ได้รับข่าวจากคุณเปิงจื่นว่า การก่อสร้างบ้านพักเด็กกำพร้ากำลังดำเนินการไปด้วยดี แต่ทางผู้ควบคุมการก่อสร้างจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวัสดุบางอย่าง นั่นคือ วัสดุมุงหลังคาเดิมข้าพเจ้าเคยพูดกับเมืองชื่นว่า อยากให้ใช้กระเบื้องลอนทั้งหลัง แต่สาเหตุที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นสังกะสีเนื่องจากน้ำหนักของวัสดุ กระเบื้องลอนมีน้ำหนักมาก เมื่อขนขึ้นไปบนดอยจะมีราคาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว เสี่ยงต่อความเสียหายระหว่างการขนส่ง อีกประการสำคัญ ร้านวัสดุก่อสร้างมักไม่ยอมขนส่งให้ เนื่องจากถนนหนทางลำบากมาก ยิ่งปีนี้ฝนมาเร็วกว่าปีก่อนๆ ถนนขึ้นดอยบางช่วงเริ่มแปลสภาพเป็นโคลน การสัญจรไปมาลำบากมาก อีกอย่างหนึ่งที่ตั้งของบ้านพักเด็กกำพร้าค่อนข้างร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่รอบๆ คงจะช่วยบดบังแสงแดดไปได้มาก ข้าพเจ้าถามเรื่องงบประมาณที่ส่งให้งวดแรกว่าเพียงพอหรือไม่อย่างไร เมืองชื่นบอกว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คาดว่าเพียงพอ ทางบนดอยใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด ข้าพเจ้าเคยย้ำไปว่า ทุกบาททุกสตางค์คือหยาดเหงื่อแรงกายของเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้า ที่ต่างรวมแรงร่วมใจส่งความช่วยเหลือมาให้เด็กๆ ทุกคนอยากเห็นบ้านหลังน้อยของเด็กๆสำเร็จลงด้วยดี อยากเห็นเด็กๆมีความเป็นอยู่ดีขึ้น พักใกล้โรงเรียนมากขึ้น ข้าพเจ้าบอกเมืองชื่นว่า อาจได้พบกันราวต้นเดือนมิถุนายนนี้ หากข้าพเจ้าแลกงานผ่าน หาไม่แล้วคงต้องพบกันราวกลางเดือนไปเลย หากไม่สามารถแลกงานได้ เมืองชื่นบอกข้าพเจ้าว่า เขามีภารกิจในพื้นที่อื่น ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่สามารถติดต่อเขาได้อีกจนกว่าจะถึงราวๆวันที่ 7 หรือ 8 มิถุนายน เพราะบริเวณที่เมืองชื่นไปนั้น ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ จนถึงวันที่ข้าพเจ้าเขียนบันทึกนี้ ข้าพเจ้ามีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ว่าจะไม่ได้กลับบ้านและขึ้นไปเยี่ยมเด็กบนดอย จนกว่าจะถึงราวกลางเดือนมิถุนายน

1 June 2009,I was called on reserved duty to operate flight to Mumbai,India.Mr.Perngchuen reported to me yesterday that the construction of Orphanage Home has been smooth but some changes are inevitable.Tin sheets were chosen as roofing material as the location of the Orphanage home was shifted abit to make use of shade under trees.Material price would be doubled when it is transported to Sanju mountain and risk of being crack is very high.It is not easy to find construction material shop that agree to transport the stuff we ordered.The road to Sanju mountain become very muddy now since the start of rainny season in Thailand.I asked Mr.Merngchuen if the fund sent was sufficient.He told me that it should be enough so far.The construction of this Orphanage home was carfully budgeted as I mentioned to everyone involved in the construction that every single cent is from my collegue's sweat.Everyone who contribute to this project would like to see better living conditions of those orphan.I might be able to meet up with Mr.Merngchuen again around second week of June.He also need to do some task in certain area where there is no phone signal.I will not be able to reach him til 7 or 8 June 2009.Now,I have a clear answer to myself that I can not go home until the middle of June since I was called to Mumbai.

5/25/2009

บ้านเด็กกำพร้ากำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง Orphanage Home Is Being Built Now !!

วันนี้วันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ฮ่องกงมีฝนตกติดต่อกันมาได้สามวันแล้ว ไม่รู้ว่าทางบนดอยจะเป็นอย่างไร เด็กๆตากฝนกันมั่งหรือเปล่า ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะหาเสื้อกันฝนไปแจกเด็กๆคราวหน้า นี่ก็เข้าฤดูฝนแล้ว ลำพังเด็กๆเดินจากบ้านมาโรงเรียนก็ไกลโขอยู่ ร่วมๆสองกิโลเมตรน่าจะได้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานระหว่างในตัวเมืองกับโรงเรียนบนดอย ( คุณเปิงจื่น 084-3640676 ) ติดต่อผมขณะที่ผมบินไปค้างที่กรุงเทพฯ รายงานเรื่องความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านพักเด็กกำพร้าโรงเรียนบนดอยสามสิบ ขณะนี้ได้เบิกเงินก้อนแรกที่ข้าพเจ้าโอนไปให้ 75000 บาท เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านไป โดยเงินจำนวนนี้ ปัจจุบันได้เก็บไว้กับผู้ดูแลการก่อสร้างบนดอย การก่อสร้างดำเนินการมาจนถึงขั้นตอนการขึ้นเสาเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะมุงหลังคาในเร็ววันนี้
เมื่อครั้งที่ข้าพเข้าเดินทางกลับบ้านเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้พบปะกับคุณเมืองชื่นและพูดคุยกันเรื่องโครงการนี้ ข้าพเจ้าได้ขอให้ปรับเปลี่ยนวัสดุก่อสร้างบางอย่าง เช่นขอให้เปลี่ยนจากหลังคาสังกะสีเป็นกระเบื้องลอนแทน รู้สึกสงสารน้องหนูตัวน้อยหากอากาศร้อนขึ้นมา หน้าร้อนก็ร้อนเอาเรื่องเลยทีเดียว อีกอย่างหนึ่งที่อยากให้ปรับเปลี่ยนก็คือ ฝาผนังที่อยากให้ปรับเปลี่ยนจากไม้เป็นอิฐบล็อคสำหรับก่อสร้าง ข้าพเจ้าพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยอนุรักษ์ป่าไม้ไว้มากที่สุด คุณเมืองชื่นแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า ได้ถ่ายภาพการก่อสร้างบ้านไว้เป็นระยะๆตามที่ผมขอไว้ เนื่องจากจำเป็นที่จะต้องนำภาพขั้นตอนการก่อสร้างลงนำเสนอในเวบบล็อค
www.helpschool.blogspot.com เป็นการให้ผู้ร่วมสมทบปัจจัยได้ทราบความเป็นไปของโครงการ

I have decided to change the way I write this blog as I was given some comments that it should be a diary type and many of my colleague don't like formal stuff( he he he ).It is 25 May 2009.It has been raining in Hong Kong for the last 3 days.If it was on the Sanju mountain where the orphanage home are being built,I can not imagine how tough it would be for those school kids as their home is some 2 k.m away from school.I intend to give out raincoats for them on my next visit.
I was informed by Mr.Perngchuen ( mobile phone 084-3640676 ),the school coordinator of Doi Samsip School ,during my layover in Bangkok,that he withdrew the fund of Thai baht 75,000 I transfered to his account on 14 May 2009.It is now kept with the construction overseer.The housepillars were erected and roof would be ready to be attached very soon.my last meeting with Mr.Merngchuen was during my annual leave,April 2009.I shared my concern regarding some specifications on building materials such as tin sheets for making roof and wood for making wall.I requested that tin sheets be changed to roof tiles,wood be changed to cement brick instead.I feel pity for those kids if they have to live under tin sheet roofed- house as summer could be very hot indeed.Using wood to make walls might also raise questions regarding environmental issue and would make this project questionable.Mr.Muerngchuen informed me that he took interval pictures of the building process as I requested.This is necessary to update in www.helpschool.blogspot.com so that to keep my collegues and donators informed of what is going on.